ข้อมูลประวัติศาสาตร์และวัฒนธรรม

ออสเตรียมีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าสนใจ ตั้งแต่ยุคโรมัน จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จนถึงยุคจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และการเปลี่ยนแปลงสู่สาธารณรัฐในปัจจุบัน นอกจากนี้ ออสเตรียยังเป็นบ้านเกิดของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) และ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)

ประวัติศาสตร์ออสเตรีย

1. ยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคโรมัน

ออสเตรียมีหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคหินใหม่ ในช่วง ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช พื้นที่นี้ถูกปกครองโดยชาวเคลต์ (Celts) ก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะเข้ามายึดครองและตั้งเมืองสำคัญ เช่น Vindobona (เวียนนาในปัจจุบัน) และ Carnuntum ซึ่งเป็นฐานทัพโรมัน

2. ยุคกลางและจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน ดินแดนออสเตรียถูกปกครองโดยชนเผ่าเยอรมันต่างๆ เช่น ชาวบาวาเรียน (Bavarians) และต่อมาใน ศตวรรษที่ 10 ตระกูล ฮับส์บูร์ก (Habsburg) เริ่มมีอำนาจในภูมิภาคนี้

ในปี ค.ศ. 1156 ออสเตรียได้รับการยกฐานะเป็น ดัชชี (Duchy) และกลายเป็นส่วนหนึ่งของ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฮับส์บูร์กขยายอำนาจผ่านการแต่งงานและการทูต จนกลายเป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรป

3. จักรวรรดิออสเตรียและออสเตรีย-ฮังการี

ใน ศตวรรษที่ 16 ออสเตรียกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิฮับส์บูร์ก และต่อสู้กับจักรวรรดิออตโตมันในสงครามหลายครั้ง เช่น การล้อมเวียนนา (ค.ศ. 1683)

ในปี ค.ศ. 1804 จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 (Francis II) ประกาศตั้ง จักรวรรดิออสเตรีย เพื่อตอบสนองต่อการขึ้นมาของนโปเลียน ต่อมาในปี ค.ศ. 1867 ออสเตรียและฮังการีรวมตัวกันเป็น จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี (Austria-Hungary) ซึ่งเป็นมหาอำนาจสำคัญในยุโรปจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 1

4. สงครามโลกครั้งที่ 1 และการล่มสลายของจักรวรรดิ

หลังความพ่ายแพ้ใน สงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914–1918) จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีล่มสลาย และออสเตรียกลายเป็น สาธารณรัฐ ในปี ค.ศ. 1919

5. สงครามโลกครั้งที่ 2 และยุคหลังสงคราม

ในปี ค.ศ. 1938 ออสเตรียถูกผนวกโดยนาซีเยอรมนีในเหตุการณ์ อันชลุส (Anschluss) และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีจนถึงปี ค.ศ. 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ออสเตรียถูกแบ่งเป็นเขตยึดครองโดยสัมพันธมิตร (สหรัฐฯ สหภาพโซเวียต อังกฤษ และฝรั่งเศส)

ในปี ค.ศ. 1955 ออสเตรียได้รับเอกราชอีกครั้งและประกาศความเป็นกลางทางการเมือง ตั้งแต่นั้นมา ออสเตรียก็พัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วทั้งด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

วัฒนธรรมและสถานที่สำคัญ

ออสเตรียมีวัฒนธรรมที่โดดเด่น โดยเฉพาะด้านดนตรีคลาสสิก เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของ โมสาร์ท, เบโธเฟน (Beethoven), โยฮันน์ สเตราส์ (Johann Strauss) และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมสวยงาม เช่น

• พระราชสมบัติฮอฟบูร์ก (Hofburg Palace)

• พระราชวังเชินบรุนน์ (Schönbrunn Palace)

• มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen's Cathedral)

ออสเตรียยังมีเทศกาลดนตรีระดับโลก เช่น Salzburg Festival และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีคุณภาพชีวิตสูงที่สุดในโลก

สรุป

ออสเตรียเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและวัฒนธรรมอันรุ่มรวย ตั้งแต่ยุคจักรวรรดิจนถึงยุคสาธารณรัฐสมัยใหม่ ด้วยธรรมชาติที่สวยงามและมรดกทางศิลปะที่โดดเด่น ออสเตรียจึงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจที่สุดในยุโรป

หากมีโอกาสเดินทางไปออสเตรีย อย่าลืมชมความงามของเวียนนา ซาลซ์บูร์ก (Salzburg) และอินส์บรุค (Innsbruck) เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน!