ทวีปยุโรป
- เที่ยวเมือง : Lille (ลีลล์) Paris (ปารีส) Amsterdam (อัมสเตอร์ดัม) Brussels (บรัสเซลส์) Lucerne (ลูเซิร์น) Vienna (เวียนนา) Fussen (ฟุสเซ่น)
- สายการบิน : EVA Air
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T6367
- Code : QQGO3VIE-BR009
EASTERN EUROPE HERE WE GO เยอรมนี-เชก-ออสเตรีย-สโลวัก-ฮังการี 9 วัน 6 คืน โดยสายการบินเอมิเรตส์ (EK)
ปราสาทไฮเดลเบิร์ก | คาร์โลวี วารี | ปราก| ฮัลสตัท |เชสกี้ครุมลอฟ |บราติสลาวา ฮัลสตัท | เวียนนา | พระราชวังเชินบรุนน์ | บูดาเปสต์| ล่องเรือแม่น้ำดานูบ
- เที่ยวเมือง : Paris (ปารีส) Milan (มิลาน) Lugano (ลูกาโน) Lucerne (ลูเซิร์น) Dijon (ดีฌง) Venice (เวนิส) Bern (เบิร์น)
- สายการบิน : Emirates
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T6248
- Code : QQGO3CDG-EK001
- เที่ยวเมือง : Cologne (โคโลญ) Lille (ลีลล์) Paris (ปารีส) Amsterdam (อัมสเตอร์ดัม) Brussels (บรัสเซลส์) Frankfurt (แฟรงก์เฟิร์ต) Bruges (บรูกส์)
- สายการบิน : Singapore Airlines
- ดาวน์โหลดโปรแรกมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T6290
- Code : QQGO3FRA-SQ002
- เที่ยวเมือง : Paris (ปารีส) Milan (มิลาน) Pisa (ปิซา) Siena (ซีนา) Verona (เวโรนา) Interlaken (อินเตอร์ลาเคน) Venice (เวนิส) Rome (โรม) Bern (เบิร์น)
- สายการบิน : Emirates
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T6351
- Code : QQGO3CDG-EK006
อิตาลี คลาสสิค 8วัน5คืน
⭐️พักระดับ 4 ดาว ในเมืองใกล้แหล่งช้อปปิ้ง
⭐️พิเศษ พักบนเกาะเวนิส 1 คืน
สายการบิน Emirates (EK)
เดินทางช่วง มิย.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF https://shorturl.asia/nJbo7
อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส 10วัน8คืน
สายการบิน Emirates (EK)
เดินทางช่วง มิย.-ธค.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF https://shorturl.asia/1mgL7
โมโน ฝรั่งเศส 7วัน4คืน
🔶ช้อปปิ้ง 3 ห้างดัง 🔸La Samaritaine🔸Galeries Lafayette
🔸La Vallee Outlet
สายการบิน Emirates (EK)
เดินทางช่วง มิย.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF https://shorturl.asia/7QZU2
สวิส Lovely Mono 8วัน5คืน
สายการบิน Emirates (EK)
เดินทางช่วง มิย.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF https://shorturl.asia/Pew4b
มหัศจรรย์ ฝรั่งเศส สวิต อิตาลี 9วัน6คืน
สายการบิน Emirates (EK)
เดินทางช่วง สค.-ตค.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF http://bit.ly/40cGh2H
แกรนด์สแกนดิเนเวีย พระอาทิตย์เที่ยงคืน
เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน 12 วัน 9 คืน
สายการบิน การบินไทย (TG)
เดินทางช่วง กค.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF http://bit.ly/3ZkwerA
มหัศจรรย์...แกรนด์ อิตาลี เที่ยวเหนือจรดใต้ 8วัน6คืน
สายการบิน Emirates (EK)
เดินทางช่วง ตค.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF http://bit.ly/3z4zSuI
เยอรมนี – ออสเตรีย – สวิตเซอร์แลนด์ – อิตาลี 9 วัน 6 คืน
สายการบิน Singapore Airlines (SQ)
เดินทางช่วง มิย.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF : โปรแกรมทัวร์ pdf
FRANCE BENELUX AND TULIP ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ 8 วัน 5 คืน
paris, franceไฮไลท์ทัวร์ Highlight ทัวร์ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ 8 วัน 5 คืน
ปารีส | หอไอเฟล | พระราชวังแวร์ซาย| ลักเซมเบิร์ก | โคโลญ | อัมสเตอร์ดัม หมู่บ้านกังหันลมซานสคันส์ | ล่องเรือหลังคากระจก | เทศกาลดอกไม้ KEUKENHOF
จอร์เจีย GRAND BEAUTIFUL MOMENT 8D5N
✈️สายการบิน Turkish Airlines (TK)
เดินทางช่วง พค.-มิย.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF https://bit.ly/3IimN5c
จอร์เจีย GRAND WONDERFUL TIME 8D5N
✈️สายการบิน Turkish Airlines(TK)
เดินทางช่วง พค.-มิย.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF: https://bit.ly/3Sj4sd8
- เที่ยวเมือง : Munich (มิวนิค) Bratislava (บราติสลาวา) Karlovy Vary (คาร์โลวี วารี) Prague (ปราก) Budapest (บูดาเปสต์) Innsbruck (อินส์บรุค) Salzburg (ซาลซ์บูร์ก) Vienna (เวียนนา) Fussen (ฟุสเซ่น) Cesky Krumlov (เซสกี ครุมลอฟ)
- สายการบิน : EVA Air
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T4422
- Code : QQGQ3VIE-BR005
- ทัวร์ : Portugal [ โปรตุเกส ]
- เที่ยวเมือง : Barcelona (บาร์เซโลนา) Cordoba () Madrid (มาดริด) Sevilla (เซบีญา) Coimbra () Lisbon (ลิสบอน) Porto (ปอร์โต)
- สายการบิน : Turkish Airlines
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T5435
- Code : QQGQ3OPO-TK003
- ทัวร์ : Switzerland [ สวิตเซอร์แลนด์ ]
- เที่ยวเมือง : Interlaken (อินเตอร์ลาเคน) Zurich (ซูริค) Lucerne (ลูเซิร์น) Zermatt (เซอร์แมท)
- สายการบิน : Thai Airways International
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T5468
- Code : QQGQ3ZRH-TG007
- ทัวร์ : Switzerland [ สวิตเซอร์แลนด์ ]
- เที่ยวเมือง : Geneva (เจนีวา) Interlaken (อินเตอร์ลาเคน) Zurich (ซูริค) Lucerne (ลูเซิร์น) Bern (เบิร์น) Zermatt (เซอร์แมท)
- สายการบิน : Thai Airways International
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T5225
- Code : QQGQ3ZRH-TG006
- เที่ยวเมือง : Deauville (โดวิลล์แซงต์กาทียง / โดวิลล์เซนต์กาทีน) Rouen (รูอ็อง) Tours (ตูร์) Paris (ปารีส) Versailles (แวร์ซาย) Amsterdam (อัมสเตอร์ดัม) Rotterdam (รอตเตอร์ดัม) Brussels (บรัสเซลส์)
- สายการบิน : EVA Air
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T6359
- Code : QQGO3CDG–BR007
- เที่ยวเมือง : Munich (มิวนิค) Karlovy Vary (คาร์โลวี วารี) Prague (ปราก) Budapest (บูดาเปสต์) Innsbruck (อินส์บรุค) Linz (ลินซ์) Vienna (เวียนนา) Cesky Krumlov (เซสกี ครุมลอฟ)
- สายการบิน : Thai Airways International
- ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
- รหัสโปรแกรม : T5250
- Code : QQGQ3MUC-TG001
ตุรเคีย GOOD TIME +DOM FLG 8D5N
(มีบินภายใน)
✈️สายการบิน Turkish Airlines (TK)
เดินทางช่วง พค.-มิย. 66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF https://bit.ly/40k07sX
สายการบิน TURKISH AIRLINES (TK)
เดินทางช่วง พค.-ตค. 66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF http://bit.ly/3GtMNun
ตุรเคีย TURKIYE SIMPLY 9D6N
✈️สายการบิน Turkish Airlines
เดินทางช่วง พค.-มิย.66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF https://bit.ly/3lhAU3v
ตุรกี สุดฟิน IN TURKIYE 8วัน5คืน
สายการบินมาฮานแอร์ (W5)
เดินทางช่วง มิย.-ตค. 66
ดาวน์โหลดโปรแกรม
PDF https://bit.ly/3FLkY0l
เยือนสถานที่ท่องเที่ยวประเทศออสเตรียดังๆ ฮัลล์สตัทท์, ซาลส์บูร์ก, อินสบรูค, ลีนซ์ , กราซ, กรุงเวียนนา พร้อมทั้งเที่ยวเมืองหน้ารักของออสเตรีย อย่าง เครม, เมลค์, เซ็นท์ โวล์ฟกัง, เซลล์ อัม ซี, หมู่บ้านอัลพ์บัช สวยที่สุดในออสเตรีย เยือนสถานที่สุดอันซีน หมู่บ้านรามเซา หนึ่งในาพโปสการ์ดของเยอรมัน, ชมวิว Heritage View ที่ ฮัลล์สตัทท์, ขึ้น รังอินทรีย์ บ้านพักของฮิตเลอร์ , เส้นทางไฮอัลไพน์กรอสกล็อกแนร์ ,ขึ้นจุดชมวิว อินซ์บรูค, ขึ้น Dachstein Skywalk หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในโลก พร้อมช้อปปิ้งออสเตรียของฝากกิ๊บเก๋ แบร์ดเนม ที่เวียนนา
High Light ทัวร์ไอซ์แลนด์ ล่าแสงเหนือ 8 วัน AY ช่วงปีใหม่
เรคยาวิค, วงแหวนทองคำ, น้ำตกสโกก้า, ธารน้ำแข็งไมดาล โจคูล -ขับรถสโมโมบิล, อุทยานแห่งชาติสกาฟตาเฟล, Diamond Beach, วิค -เรนิสแดรงเกอร์, หาดทรายดำ, น้ำตกเซลยาลันส์ฟอส, เรคยาวิค,ล่าแสงเหนือ -แช่น้ำแร่บลู ลากูน, เขาเคิร์กจูเฟล, ชมวิวบนอาคารพาร์ลาน -ช้อปปิ้ง Stockmann Department Store
โปรแกรม บัลแกเรีย-โรมาเนีย 8 วัน 5 คืน (TK)
Bulgaria, Romaniaเที่ยว บัลกาเรีย และโรมาเนีย 2 ประเทศ ของประเทศที่มีรายการทัวร์ไม่มากนัก สำหรับคนไทย ที่จะได้ไปสัมผัสอารยธรรมที่น่าสนใจทั้งสองประเทศนี้
โปรแกรม ยุโรปเบเนลักซ์ 7 วัน 5 คืน (TK) เนเธอร์แลนด์-เบลเยี่ยม-ฝรั่งเศส
Netherland, Belgium, Franceแนะนำ โปรแกรม โปรแกรม ยุโรปเบเนลักซ์ 7 วัน 5 คืน (TK) เนเธอร์แลนด์-เบลเยี่ยม-ฝรั่งเศส บินสายการบิน เตอร์กีซแอร์ไลน์
ทวีปยุโรป
ทวีปยุโรป เป็นทวีปที่อยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกับทวีปเอเชีย มีลักษณะคล้ายกับเป็นคาบสมุทรใหญ่ของทวีปเอเชียว จึงมีผู้เรียกทวีปยุโรป และเอเชียรวมกันว่า “ยูเรเซีย” พรมแดนธรรมชาติที่ใช้เป็นแนวแบ่งทวีปยุโรปกับทวีเอเชียออกจากกัน คือ แนว เทือกเขาอูราลและแม่น้ำอูราล
ที่ตั้ง ทวีปยุโรป
ตั้งอยู่ระหว่างละติจูดประมาณ 36 องศาเหนือ ถึง 71 องศาเหนือ และลองจิจูดประมาณ 9 องศาตะวันตก ถึง ลองจิจูดประมาณ 66 องศาตะวันออก
กล่าวคือ ทวีปยุโรป มีพื้นที่ทั้งหมดอยู่เหนือเส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ (ละติจูดที่ 23 ½ องศาเหนือ) ซึ่งอยู่ในเขตอากาศอบอุ่นเหนือเกือบทั้งหมดยกเว้นตอนเหนือสุดของทวีปเท่านั้นที่อยู่ในเขตอากาศหนาวเหนือ
ขนาด ทวีปยุโรป
มีพื้นที่ประมาณ 10 ล้านตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ของโลก รองจากทวีปเอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอนตาร์กติกา แต่ใหญ่กว่าออสเตรเลีย
อาณาเขตติดต่อ มีดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับมหาสมุทรอาร์กติก และมีทะลต่าง ๆ ได้แก่ ทะเลขาว ทะเลแบเรนต์ส น่านน้ำเหล่านี้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจน้อยมาก เพราะในฤดูหนาวจะปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ใช้เดินเรือไม่ได้
คาบสมุทรสำคัญด้านนี้ ได้แก่
- คาบสมุทรสแกนดิเนเวีย
- คาบสมุทรจัตแลนด์
- ทิศตะวันออก ติดต่อเป็นผืนแผ่นดนเดียวกันกับทวีปเอเชีย โดยมีเทือกเขาอูราลแม่น้ำอูราล และทะเลสาบแคสเปียนเป็นแนวพรมแดน
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก มีทะเลต่าง ๆ ได้แก่ ทะเลนอร์วิเจียน ทะเลเหนือ ทะเลไอริช และทะเลบอลติก เกาะสำคัญทางด้านนี้ ได้แก่ เกาะบริเตนใหญ่ เกาะไอร์แลนด์ และเกาะไอซ์แลนด์
- ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีชายฝั่งทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ทั้งนี้เพราะความเว้าแหว่งของชายฝั่งทะเลมีมากนั่นเอง และยังทำให้มีคาบสมุทรหลายแห่ง ได้แก่
- คาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศนอร์เวย์และสวีเดิน
- คาบสมุทรจัดแลนด์เป็นที่ตั้งของประเทศเดนมาร์ก
- คาบสมุทรไอบีเรียเป็นที่ตั้งของประเทศสเปนและโปรตุเกส
- คาบสมุทรอิตาลี เป็นที่ตั้งของประเทศอิตาลี
- คาบสมุทรบอลข่าน เป็นที่ตั้งของประเทศอดีตยูโกสลาเวีย แอลเบเนีย โรมาเนีย บัลแกเรีย แอลกรีซ (สาธารณรัฐเฮเลนิก)
- คาบสมุทรไครเมียในประเทศยูเครน
ลักษณะภูมิประเทศ ทวีปยุโรป
แบ่งออกเป็น 4 เขต ดังนี้
- เขตหินเก่าภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เขตนี้มีเทือกเขาที่มีอายุเก่าแก่ เช่น เชอเลน ในคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย , แกรมเบียน ในสกอตแลนด์ และมีชายฝั่งที่เว้าแหว่งมากเป็นอ่าวแคบ ๆ มีน้ำลึก สองฝั่งเป็นหน้าผาสูงชัน เรียกว่า ฟยอร์ด ซึ่งเกิดจากธารน้ำแข็งกัดเซาะ ได้แก่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของประเทศนอร์เวย์ และแคว้นสกอตแลนด์ ของสหรราชอาณาจักร
- เขตที่ราบใหญ่ภาคกลาง (ที่ราบใหญ่ยุโรป) เป็นเขตที่มีความสำคัญทางด้านเกษตรกรรมมาก มีประชากรหนาแน่น ทั้งนี้เพราะ การคมนาคมขนส่งสะดวกมีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย ได้แก่ไรน์ (แม่น้ำถ่านหิน/แม่น้ำนานาชาติ) เอลเบลัว เซน เป็นต้น บริเวณชายฝั่งทะเลบอลติทางตอนใต้ของประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ผินแลนด์ เป็นหินเปลือกโลกที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด เรียกว่า บอลติกชีลด์
- เขตที่ราบสูงภาคกลาง อยู่ระหว่างเขตที่ราบใหญ่ภาคกลางกับเขตเทือกเขาสูงภาคใต้ ของทวีป ที่ราบสูงสำคัญได้แก่ เมเซตา ในคาบสมุทรไอบีเรีย , มัสซีฟซองตรัล ในฝรั่งเศส บาวาเรียน หรือแบล็กฟอเรสต์/ป่าดำในเยอรมัน, โบฮีเมีย ในเชก เขรนี้เป็นย่ายอุตสาหกรรมสำคัญเนื่องจากเป็นแหล่งถ่ายหินสำคัญของทวีปโดยเฉพาะในแคว้นรูห์ , ซาร์ , แซกโซนี, และแหล่งถ่ายหินในฝรั่งเศส และเบลเยี่ยม
- เขตภูเขาหินใหม่ภาคใต้ ได้แก่เทือกเขา พีเรนีส , แอลป์, แอปเพนไนน์, ไดนาริกแอลป์ , คอเคซัส , คาร์เปเธียน, เขตภูเขาหินใหม่นี้เป็นเขตที่เปลือกโลกยังไม่สงบตัวดีจึงยังมีแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เช่น ภูเขาไฟวิสุเวียส เอทนา สตรอมโบลี ในประเทศอิตาลี
ลักษณะภูมิอากาศ
ต่างกัน 7 เขตดังนี้
- เขตภูมิอากาศแบบทุนดรา (แบบขั้วโลก) ลักษณะอากาศ หนาวจัดมากในฤดูหนาวเป็นระยะเวลานาน ฤดูร้อนสั้นมาก เพียง 1-2 เดือน อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส มีหิมะและน้ำแข็งปกคลุมเกือบทั้งปี ได้แก่บริเวณชายฝั่งภาคเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนียเวีย และชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติกของรัสเซีย พืชพรรณธรรมชาติในเขตนี้ได้แก่ มอส สาหร่าย และตะไคร่น้ำ ไม่มีไม้ยืนต้น ในฤดูร้อนบางพื้นที่ มีไม้ดอกเล็ก ๆ เช่น ดอกอาร์กติกวิลโลว์ อาร์กติกปอปปี
- เขตภูมิอากาศแบบไทกา (แบบกึ่งขั้วโลก) ลักษณะอากาศ หนาวเย็นฤดูหนาวอุณหภูมิเฉลี่ย 6 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนอากาศอบอุ่นชื้นเล็กน้อย อุณหภูมิเฉลี่ย 17 องศาเซลเซียส ได้แก่บริเวณนอร์เวย์ สวีเดิน ฟินแลนด์ และรัสเซีย พืชพรรณธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นไม้สน (ไทกา)
- เขตภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก ลักษณะอากาศ อบอุ่นชื้นตลอดปี ฤดูหนาวไม่หนาวจัด ฤดูร้อนอบอุ่น มีฝนตกชุกตลอดปี ได้แก่บริเวณชายฝั่งตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าไม้ผลัดใบผสมกับป่าสน
- เขตภูมิอากาศอบอุ่นชั้นภาคพื้นทวีป ลักษณะอากาศ ค่อนข้างหนาวเย็น ฤดูหนาวอุณภูมิเฉลี่ย 1-2 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนอุณหภูมิเฉลี่ย 19-20 องศาเซลเซียส ได้แก่บริเวณยุโรปตะวันตก และตอนใต้ของรัสเซีย พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าสนผสมกับป่าไม้ผลัดใบ
- เขตภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ลักษณะอากาศ อบอุ่น ฤดูร้อนร้อนจัด มีฝนตกชุกตลอดปี ได้แก่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ตอนเหนือ และตอนกลางของคาบสมุทรบอลข่านพืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าไม้ผลัดใบ และป่าผสม
- เขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ลักษณะอากาศ ฤดูหนาวอบอุ่น ร้อนจัดในฤดูร้อน มีฝนตกชุกในฤดูหนาว ได้แก่บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในคาบสมุทรไอบีเรีย ภาคใต้ ของฝรั่งเศส อิตาลี และคาบสมุทรบอลข่าน พืชพรรณธรรมชาติ ได้แก่ไม้คอร์ก โอ๊ก และไม้พุ่มมีหนาม (ไม้พุ่มแคระที่เรียกว่ามากีส์) สำหรับพืชผลเป็นพืชตระกูล ส้ม องุ่น มะกอก
- เขตภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทรายแถบอบอุ่น ลักษณะอากาศมีอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง มีฝนตกน้อยเฉลี่ยไม่เกิน 20 นิ้วต่อปี แต่ไม่แห้งแล้งเหมือนทะเลทราย ได้แก่บริเวณภาคใต้ของรัสเซีย ตอนกลาง ของคาบสมุทรไอบีเรีย ตอนเหนือของทะเลแคสเปียน และทะเลดำ พืชพรรณธรรมชาติ เป็นทุ่งหญ้าที่ขึ้นเบาบาง เป็นหญ้าสั้น ๆ เรียกว่า สเตปป์ และมีพุ่มไม้เตี้ยสลับกันห่าง ๆ
อาชีพที่สำคัญของชาวยุโรป
- เพาะปลูก พืชที่สำคัญของทวีปยุโรป ได้แก่ - ข้าวสาลี ประเทศที่ปลูกมากที่สุด คือ ยูเครน รองลงไปคือฝรั่งเศส อิตาลี สเปน โรมาเนีย บัลแกเรีย เยอรมณี และฮังการี - ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข่างไรย์ ถั่ว และมันฝรั่ง ซึ่งมีปลูกโดยทั่วไป - องุ่น ส้ม มะกอก มะนาว แอปเปิล และผลไม้ชนิดต่าง ๆ ปลูกมากในเขตอากาศเมดิเตอร์เรเนียน แถบประเทศ โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี และกรีซ - ป่านลินิน ปลูกมากในเขตประเทศโปแลนด์ เบลเยี่ยม และไอร์แลนด์
- การเลี้ยงสัตว์ ทำเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ควบคู่ไปกับการเพาะปลูกในลักษณะเกษตรแบบผสม การเลี้ยงสัตว์จะแตกต่างกนไปตามลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ดังนี้ - แบบทุนดรา จะเลี้ยงกวางเรนเดียร์ พบในประเทศฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ นอกจากนี้ยังมีการล่าสัตว์จำพวก แมวน้ำ หมี มิ้งค์ สุนัขจิ้งจอก บีเวอร์ เพื่อเป็นการยังชีพอีกด้วย - เขตทุ่งหญ้าสเตปป์ มีการเลี้ยงโคเนื้อ แพะ แกะ และม้า แถบบริเวณชายฝั่งทะเล แคสเปียน ในภาคใต้ของยูเครนและรัสเซีย - เขตเมดิเตอร์เรเนียน มีการเลี้ยงโคเนื้อและแกะ - เขตอบอุ่นชื้อตอนเหนือของคาบสมุทรบอลข่าน มีการเลี้ยงสุกรโดยใช้ข้าวโพดเป็นอาหาร - เขตภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก มีการทำฟาร์มโคนม ประเทศที่เลี้ยงมากที่สุด คือ เดนมาร์ก รองลงมาคือ รัสเซีย
- อาชีพการทำป่าไม้ ทำกันมาในยุโรปเหนือ เช่นฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน โดยเน้นหนักเพื่อการค้า
- อาชีพประมง แหล่งที่มีปลาชุมของทวีปยุโรป อยู่บริเวณทะเลเหนือ เรียกว่า ดอกเกอร์แบงก์ ปลาที่จับกันมากคือปลาคอด เฮอริง แมคเคอเรล แฮดดอก แฮลิบัท ซาร์ดีน นอกจากดอกเกอร์แบงก์แล้ว ในอ่าวบิสเคย์ ทะเลแคสเปียน ทะเลดำ และลุ่มน้ำโวลกาก็เป็นแหล่งประมงเช่นกัน โดยเฉพาะปลาสเตอร์เจียนที่เอาไข่มาทำคาร์เวีย
- อาชีพการทำเหมืองแร่ แร่เศรษฐกิจที่สำคัญของทวีปยุโรป คือ ถ่านหิน และเหล็ก
- อาชีพอุตสาหกรรม ที่สำคัญได้แก่ การถลุงเหล็ก และผลิตเหล็กกล้า เครื่องจักรกล ยานพาหนะ เสื้อผ้า เครื่องหนัก เครื่องแก้ว และอุตสหกรรมการท่องเที่ยว
- อาชีพค้าขาย สินค้าเข้าได้แก่ วัตถุดิบสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าออก ส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำเร็จรูปที่เป้นผลผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม
- การคมนาคม ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีการคมนาคมเจริญก้าวหน้ามากมีเส้นทางคมนาคมแน่นที่สุดในโลก โดยเฉพาะทางรถไฟมีความสำคัญมาก และมีประสิทธิภาพสูง เช่น รถไฟของฝรั่งเศสวิ่งได้เร็วที่สุดในโลกคือวิ่งได้เร็วถึง 274 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ลักษณะทางสังคมวัฒนธรรมของทวีปยุโรป
ลักษณะทางสังคม
- เป็นสังคมที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาการต่าง ๆ มาก
- เป็นสังคมเมืองมากกว่าชนบท มีลักษณะเป็นครอบครัวเดี่ยว
- มีความผูกพันกับเครือญาติไม่มากนัก ไม่แน่นแฟ้นเหมือนสังคมไทย
- เป็นสังคมที่มีระเบียบวินัยเคร่งครัด รักประชาธิปไตย รักความเป็นอิสระ รักเสรีภาพ ขยันขันแข็ง ในการทำงาน เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด มีความเป็นตัวของตัวเอง
ลักษณะทางวัฒนธรรม ทวีปยุโรป
เป็นวัฒนธรรมของชาวคริสต์ แบบประชาธิปไตย เพราะประชากรส่วนใหญ่ นับถือศาสนาคริสต์ รักอิสระเสรี รักการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ลักษณะประชากร ทวีปยุโรป
- เชื้อชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวผิวขาว เชื้อชาติคอเคซอยด์ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามลักษณะทางร่างกาย ดังนี้
- กลุ่มนอร์ดิก อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปโดยเฉพาะในคาบสมุทรสแกนดิเนเวียมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวเกลี้ยง ตาสีฟ้า ผมสีทอง กะโหลกศีรษะค่อนข้างยาว
- กลุ่มเมดิเตอร์เรเนียน อยู่ทางภาคใต้ของทวีป เช่น ในประเทศ สเปน โปรตุเกส และกรีซ มีรูปร่างเล็ก ผมสีดำ ตาสีฟ้า กะโหลกศีรษะกลม ผิวคล้ำและเกลี้ยง
- กลุ่มอัลไพน์ อาศัยอยู่แถบเทือกเขาแอลป์ มีรูปร่างค่อนข้างล่ำสันและเตี้ย ผมและตาสีน้ำตาล กะโหลกศีรษะค่อนข้างกลม
- กลุ่มแลปป์และบัลติกตะวันออก อยู่ในนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ รัสเซีย มีรูปร่างเล็ก ตาสีฟ้า ผมดำ จมูกค่อนข้างแบนกะโหลกศรีษะค่อนข้างกลม ชาวแลปป์มิใช่ชาวยุโรปแท้ แต่เป็นมนุษย์ในสาขามองโกลอยด์
ภาษา ที่ใช้ในทวีปยุโรป
เป็นตระกูล ภาษาอินโด-ยุโรเปียน ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ
- กลุ่มภาษาเยอร์มานิก (ติวโตนิก) ใช้กันในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และบางส่วนของสวิตเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม
- กลุ่มภาษาโรแมนซ์ หรือกลุ่มภาษาละติน ใช้กันใน อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส โปรตุเกส และโรมาเนีย
- กลุ่มภาษาสลาวิก (สลาฟ) ใช้กันในภาคกลางและภาคตะวันออกของยุโรป ในคาบสมุทรบอลข่าน และสหพันธรัฐรัสเซีย
ศาสนา ใน ทวีปยุโรป
ชาวยุโรปส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 นิกาย คือ
- โรมันคาทอลิก เป็นศาสนาของผู้ใช้ภาษาละติน เช่นในเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส โปรตุเกส อิตาลี ออสเตรีย สโลวัก เช็ก และโปแลนด์
- กรีกออร์โธดอกซ์ นับถือศาสนาในกรีซ และยูโกสลาเวีย
- โปรเตสแตนด์ นับถือกันใน สแกนดิเนเวีย เอสโทเนีย แลตเวีย เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร
ลักษณะการเมืองการปกครองของทวีปยุโรป
ระบอบการปกครองของทวีปยุโรป จะเห็นได้เด่นชัดอยู่ 2 ระบอบคือ
- ระบอบประชาธิปไตย ใช้กันทางแถบยุโรปเหนือ ยุโรปใต้ ยุโรปกลาง แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
- แบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ได้แก่ สหราชอาณาจักร สเปน สวีเดน นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม เดนมาร์ก
- แบบที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอซ์แลนด์ กรีซ อิตาลี โปรตุเกส ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น
- ระบบคอมมิวนิสต์ ใช้กันในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก เช่น รัสเซีย
บทบาทของทวีปยุโรปและความสัมพันธ์กับประเทศไทย
- ด้านการค้าขาย มีการซื้อขายสินค้าซึ่งกันและกันตลอดมา
- ความสัมพันธ์ด้านการทูต ซึ่งเคยมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เช่น ประเทศสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี
- ความสันพันธ์ด้านการให้ความช่วยเหลือ ประเทศไทยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสวีเดนและนอร์เวย์
- ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น สหราชอาณาจักร สเปน สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ด้านอื่น ๆ เช่น กีฬา การศึกษา การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนการท่องเที่ยว
ข้อมูลประวัติศาสาตร์และวัฒนธรรม
ประวัติศาสตร์ของ ทวีปยุโรป
สภาพทางสังคมของยุโรปมีลักษณะเป็นสังคมเมือง ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากระบบอุตสาหกรรมที่แพร่หลายอยู่ในยุโรปมีสวนชักจูงผู้คนให้เข้ามาทำงานและตั้งถิ่นฐานในบริเวณแหล่งอุตสาหกรรม จนทำให้เกิดเป็นชุมชนขึ้น ซึ่งต่อมาจะขยายออกเป็นเมือง และการที่ประชากรมาอยู่รวมกันเป็นชุมชน ทำให้เกิดผลผลิตต่างๆ มากมายมาตอบสนองความต้องการผู้คนจึงได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น แต่การที่ผู้คนจำนวนมากมาอยู่รวมกัน จำเป็นต้องมีระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคมเพื่อให้การอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นไปอย่างสันติสุข ทุกคนจึงต้องยอมรับในสิทธิและหน้าที่ ทั้งของตนเองและของผู้อื่น สิ่งเหล่านี้ได้เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้สังคมยุโรปมีความเป็นประชาธิปไตยสูงมาก และเป็นแหล่งกำเนิดของการปกครองระบบประชาธิปไตยในที่สุดลักษณะสังคมแบบนี้ต่อมาได้ขยายไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกทั้งนี้ความเป็นประชาธิปไตยในสังคมยุโรปมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ภายในครอบครัวด้วยครอบครัวชาวยุโรปส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก แต่ละคนได้รับการอบรมให้เป็นตัวของตัวเอง และช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องภายในครอบครัวของตน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทวีปยุโรป
มนุษย์โฮโมอีเรคตัส (บรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน) กับ มนุษย์นีแอนเดอร์ธอล (Neanderthals) อาศัยอยู่ในยุโรปมานานก่อนที่มีมนุษย์ปัจจุบัน (โฮโมเซเปียน หรือ Homo sapiens) กระดูกของมนุษย์ยุคแรก ๆ ในยุโรปถูกพบที่เมือง Dmanisi ประเทศจอร์เจีย ซึ่งกระดูกเหล่านั้นคาดว่ามีอายุราว ๆ 2 ล้านปีก่อนคริสตกาล หลักฐานของมนุษย์ที่มีโครงสร้างสรีระคล้ายมนุษย์ปัจจุบันที่ปรากฏในยุโรปที่เก่าที่สุดนั้นคือประมาณ 35,000 ปีก่อนคริสตกาล แต่หลักฐานแสดงการตั้งรกรากถาวรนั้นแสดงอยู่ราว ๆ 7000 ปีก่อนคริสตกาลในประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย และ กรีซ ยุโรปกลางเข้าสู่ยุคหินใหม่ (Neolithic) ในช่วงราว ๆ 6000 ปีก่อนคริสตกาลก่อนหลาย ๆ ที่ในยุโรปเหนือซึ่งเข้าสู่ยุคหินใหม่ในช่วงราว ๆ 5000 ถึง 4000 ปีก่อนคริสตกาล ราว ๆ 2000 ปีก่อนคริสตกาลเริ่มมีอารยธรรมที่มีความรู้ทางการอ่าน-เขียนในยุโรปคืออารยธรรมของพวกมิโนน (Minoans) ที่เกาะcrete และตามด้วยพวกไมเซเนียน (Myceneans) (ทั้งสองอารยธรรมอยู่ราว ๆ บริเวณซึ่งเป็นประเทศกรีซในปัจจุบัน) ราว ๆ 400 ปีก่อนคริสตกาล วัฒนธรรมลาทีเน่ (La Tène) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมในยุคเหล็กได้แพร่กระจายไปเกือบทั่วภาคพื้น พวกอีทรัสกัน (Etruscans) ได้เข้าไปตั้งรกรากในตอนกลางของอิตาลีและลอมบาดี (Lombady) ซึ่งอยู่ตอนเหนือของอิตาลีปัจจุบัน
ยุคเก่า
สงครามกรีก-เปอร์เซีย และสงครามเปโลโปนีเซีย
สงครามกรีก-เปอร์เซีย คือสงครามของพวกกรีกกับชาวเปอร์เซียที่บุกมาจากทางฝั่งอาหรับเข้ามาทางตอนเหนือ ประวัติศาสตร์ได้จดบันทึกวีรกรรมของชาวสปาร์ตา (Sparta) ที่ไปรบขวางพวกเปอร์เซียที่มีเป็นแสนได้ด้วยกำลังคนไม่กี่พันที่ช่องเขาเทอร์มอพิลี (Thermopylae) นำโดยกษัตริย์เลโอไนดาสที่ 1 (Leonidas I) หยุดพวกเปอร์เซียไว้ได้หลายวันก่อนที่จะถูกทำลาย ถ่วงเวลาให้ชาวกรีกมีเวลาตั้งตัวต่อกรกับชาวเปอร์เซียได้สำเร็จในภายหลัง สงครามเพโลพอนนีเซียน เป็นสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐของชาวเอเธนส์ (Athens) มหาอำนาจทางทะเลกับชาวสปาร์ตาชนชาตินักรบหลังจากสงครามกับพวกเปอร์เซียได้ไม่นาน ชาวสปาร์ตาไปขอความช่วยเหลือจากพวกเปอร์เซียให้ช่วยต่อเรือไปสู้กับชาวเอเธนส์ ตัดเสบียงทางทะเลจนชาวเอเธนส์อดอยากต้องยอมแพ้ไปในที่สุด หลังจากสงครามครั้งนี้รัฐกรีกก็เริ่มทำสงครามกันเรื่อยมาทำให้เสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็วจนการมาถึงของชาว มาซีดอน (Macedon)
พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
ในขณะที่รัฐของกรีกแตกกระจายเป็นก๊ก ๆ ชาวมาซีดอนทางตอนเหนือก็เรืองอำนาจขึ้นมา ฟิลลิปป์ (Phillip) เป็นผู้ที่เริ่มสร้างฐานอำนาจนำกองทัพบุกรัฐกรีกขึ้นเป็นผู้นำสมาพันธ์กรีกกุมอำนาจไว้ในมือ หลังจากสงครามกับพวกเปอร์เซียชาวกรีกก็ยังแค้นไม่หาย พยายามอย่างยิ่งที่จะบุกเข้าไปบ้าง ฟิลลิปป์สร้างกองทัพของเขาบ้างหลังจากที่รวมกรีกไว้ได้ แต่ก็มาถูกสังหารเสียก่อน คราวนี้ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the great) ลูกชายเพียงคนเดียวก็ขึ้นมาครองอำนาจแทน นำทัพสู้กับชาวเปอร์เซียบุกลงไปถึง “อียิปต์" จนชาวเปอร์เซียที่เคยรุ่งเรืองมากที่สุดอาณาจักรหนึ่งต้องมาเสื่อมอำนาจลงไป อเล็กซานเดอร์ยังไม่พอใจกับชัยชนะเพียงแค่นี้เขายังนำกองทัพบุกไปถึงอินเดีย แต่ก็ไปต่อไม่ไหวเนื่องจากห่าฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาของดินแดนเขตร้อน ทหารก็เหนื่อยอ่อนจากการทำศึกหนักอย่างยาวนาน และคิดถึงบ้าน จนจอมทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยังต้องจำใจเดินทางกลับบ้านเกิดเสียที เขาล่องเรือทางแม่น้ำสินธุมาถึงบาบิโลน (ระหว่างแม่น้ำไทกรีส และแม่น้ำยูเฟรติส ในปัจจุบัน) และตั้งเมืองหลวงที่นั่น อเล็กซานเดอร์กลับบ้านไปได้ไม่ทันไรก็มาด่วนตายตอนอายุสามสิบสามปี นักประวัติศาสตร์บันทึกสาเหตุว่าเป็นเพราะการดื่มเหล้าอย่างหนักในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งจนร่างกายของเขารับไม่ไหว แต่บางคนก็แย้งว่าเขาถูกวางยาพิษ จากนั้นอาณาจักรของเขาได้ถูกแย่งกันในหมู่แม่ทัพของกรีก คือ แคสแซนเดอร์ ไลซิมคัส เซลิวคัส และ ทอเลมี
ความรุ่งเรืองของกรุงโรม
พวกโรมันมีกษัตริย์ปกครองกันเรื่อยมาหลังตำนานโรมูลุส (Romulus) กษัตริย์ลูกหมาป่าที่ก่อตั้งกรุงโรม จนมาถึงรุ่นของกษัตริย์ทาควิน (Tarquin the pround) เป็นองค์สุดท้าย ว่ากันว่าชาวโรมันไม่พอใจที่ทาควินสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มากมายจนประชาชนเดือดร้อนทำให้มีตระกูลชั้นสูงพวกแพทริเซียน (Partrician) ที่มีอำนาจในกรุงโรมนำโดยสกุล บรูตัส (Brutus) พากันขับไล่พระองค์ลงจากบัลลังก์ ตั้งแต่นั้นมาชาวโรมันก็ใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐปกครองโดยสภาซีเนตมาถึง 400 ปีจวบจนมาถึงยุคของจักรพรรดิออกัสตัส (Augustus) จักรพรรดิพระองค์แรกของจักรวรรดิโรมัน
การล่มสลายของกรุงโรม
พวกคนเถื่อนทางตอนเหนือของยุโรปก้าวร้าวบุกรุกอาณาจักรโรมันกันเป็นว่าเล่น หนึ่งในนั้นมี “แอตติลา” (Attila) ผู้นำของคนเถื่อนที่เป็นตำนาน รวบรวมเหล่าคนเถื่อนมาไว้ด้วยกันนำกำลังบุกเข้าไปในอาณาจักร โรมันแต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถที่จะบุกเข้าไปถึงกรุงโรมได้ถูกพวกโรมันหยุดยั้งไว้ได้ก่อน แล้วก็มาด่วนตายไป แต่การกระทำของแอตติลาก็ส่งผลให้พวกคนเถื่อนบุกเข้าไปในจักรวรรดิโรมัน จนในที่สุดกรุงโรมก็ถูกตีแตกโดยพวกเยอรมัน เป็นการสิ้นสุดอิทธิพลของพวกโรมันในยุโรปตะวันตก คงเหลือแต่พวกโรมันที่กรุงคอนสแตนติโนเบิลเท่านั้นที่ยังคงแผ่อิทธิพลออกไป
ยุคกลาง
จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เรืองอำนาจ
กรุงโรมล่มสลายพร้อมกับการก้าวขึ้นมาของคนเถื่อนทางเหนือ พวกแฟรงค์ (Frank) คนเถื่อนทางประเทศฝรั่งเศสก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่โดยการนำของ “พระเจ้าชาร์เลอมาญ” เมื่อรวบรวมดินแดนทางยุโรปตะวันตกไว้ได้มากมายแล้ว ชาเลอร์มาญก็ไปทำสัญญากับพระสันตะปาปาขึ้นเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรโรมันตะวันตก ตั้งอาณาจักรโรมันตะวันตกขึ้นมาใหม่จากที่เคยล่มสลายลงไป ภายใต้ชื่อ "จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire)" ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เป็นอิสระจากอิทธิพลของอาณาจักรโรมันตะวันออก
สงครามครูเสด
พระสันตะปาปาเรียกร้องให้ชาวคริสต์ทุกคนนำกำลังไปช่วยเหลือจักรวรรดิโรมันตะวันออกที่กำลังถูกพวกอาหรับกลืนกิน กองทัพของผู้ศรัทธานำกำลังบุกเข้าไปถึงกรุง เยรูซาเลม ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ในพระคำภีร์ฉบับเก่าของโมเสสที่ถูกชาวอาหรับครอบครอง กองทัพครูเสดยึดดินแดนได้แถบริมฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วตั้งเป็นประเทศ อยู่มาจนการมาถึงของ ซาลาดิน (Saladin) สุลต่านอาหรับที่สามารถบุกยึดกรุงเยรูซาเลมจากพวกครูเสดได้ ตั้งแต่นั้นมานักรบครูเสดที่ถูกส่งมาอีกหลาย ๆ ครั้งก็ไม่สามารถที่จะยึดคืนกรุงเยรูซาเลมกลับมาได้อีกเลย
สงครามร้อยปี
สงครามร้อยปีเป็นความขัดแย้งระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส นาน 116 ปี นับจาก พ.ศ. 1880 ถึง พ.ศ. 1996 (ค.ศ. 1337 ถึง 1453) เริ่มจากการอ้างสิทธิ์ของกษัตริย์อังกฤษเหนือบัลลังก์ฝรั่งเศส คำที่นักประวัติศาสตร์ใช้นิยามสงครามความขัดแย้งแบ่งได้สามถึงสี่ช่วง คือ สงครามยุคเอ็ดเวิร์ด(Edwardian War 1337-1360) สงครามยุคแครอไลน์ (Caroline War 1369-1389) สงครามยุคแลงคาสเตอร์ (Lancastrian War 1415-1429) อังกฤษกับฝรั่งเศสเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ชาวนอร์มังดีบุกไปชิงราชบังลังก์ที่เกาะอังกฤษเพราะยังอยากที่จะได้ดินแดนของบรรพบุรุษกลับมาอีกครั้ง อังกฤษกับฝรั่งเศสจึงทำสงครามกันเรื่อยมา ช่วงหลังของสงครามอังกฤษสามารถบุกเข้าไปยึดดินแดนของฝรั่งเศสได้จนเกือบจะสิ้นชาติ แต่ก็มีการมาถึงของหญิงสาว “ฌานดาร์ค” (โจนออฟอาร์ค) สาวชาวนาผู้ได้รับนิมิตจากพระเจ้าให้นำฝรั่งเศสไปสู่เอกราชจากพวกอังกฤษ แต่ไม่ทันที่จะจบสงครามโจนก็ถูกจับไปเผาในข้อหาว่าเป็นแม่มด แต่การกระทำของโจนก็ไม่เสียเปล่าพวกฝรั่งเศสขับไล่อังกฤษออกจากประเทศได้สำเร็จ
การล่มสลายของกรุงคอนสแตนติโนเปิล
หลังจากการล่มสลายของกรุงโรม โรมันทางฝั่งตะวันออกก็ค่อยๆ ลืมเลือนความยิ่งใหญ่ของตัวเองในฟากตะวันตกไปหมด จักรพรรดิองค์ต่อๆ มาก็ไม่ใช่คนจากอิตาลีอีกต่อไป แต่เป็นชาวกรีกดั้งเดิมที่อยู่มาก่อนพวกโรมัน พวกกรีกเมื่อไม่รู้สึกถึงคุณค่าของความเป็นโรมันก็ตั้งชื่ออาณาจักรใหม่เป็น “ไบแซนไทน์” (Byzantine) ตามชื่อเก่าของเมืองคอนสแตนติโนเบิลเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในยุโรปยุคมืด แต่ชาวอาหรับที่ขยายอำนาจออกมาก็ทำให้ไบแซนไทน์เสื่อมอำนาจลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาเสียกรุงให้กับชาวเติร์ก (Turk) ทำให้กรุงไบเซนติอุมกลายเป็นเมืองหลวงในชื่อ อิสตันบูล (Istanbul)
ต้นยุคใหม่
จากชาตินิยมสู่จักรวรรดินิยม
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
การปฏิวัติฝรั่งเศส
การเข้าแทรกแซงของฝรั่งเศสในสงครามปฏิวัติอเมริกาทำให้รัฐล้มละลาย หลังความพยายามปฏิรูปการเงินล้มเหลวหลายครั้ง พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกโน้มน้าวให้เปิดประชุมสภาฐานันดร ซึ่งเป็นองค์กรผู้แทนของประเทศอันประกอบด้วยสามฐานันดร ได้แก่ นักบวช ขุนนางและสามัญชน สมาชิกสภาฐานันดรประชุมกันที่พระราชวังแวร์ซายในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1789 แต่การถกเถียงว่าจะใช้ระบบการออกเสียงแบบใดนั้นต่อมาจะกลายมาเป็นทางตัน เดือนมิถุนายน ฐานันดรที่สาม และมีสมาชิกอีกสองฐานันดรเข้าร่วม ประกาศตนเป็นสมัชชาแห่งชาติ และปฏิญาณว่าจะไม่สลายตัวจนกว่าฝรั่งเศสจะมีรัฐธรรมนูญ และตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติขึ้นในเดือนกรกฎาคม ขณะเดียวกัน ประชาชนกรุงปารีสลุกขึ้นต่อต้าน และทลายคุกบาสตีย์ที่ขึ้นชื่อเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 ขณะนั้น สมัชชาต้องการสถาปนาระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และในห้วงสองปีถัดมา ได้ผ่านกฎหมายหลายฉบับรวมทั้งคำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมือง การเลิกระบบฟิวดัล และการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสกับกรุงโรม ในตอนแรกพระมหากษัตริย์ทรงยินยอมกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และได้รับความนิยมอยู่พอสมควรจากประชาชน แต่เมื่อการต่อต้านพระมหากษัตริย์เพิ่มขึ้นร่วมกับการบุกครองจากต่างชาติที่คุกคาม พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงถูกถอดพระราชอำนาจ ตัดสินพระทัยลี้ภัยไปพร้อมกับพระบรมวงศานุวงศ์ แต่มีคนจำพระองค์ได้และทรงถูกนำพระองค์กลับมายังกรุงปารีส วันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1793 พระองค์ถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยข้อหากบฏ วันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1792 สภากงวองซิยงแห่งชาติเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์และประกาศให้ฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐ เนื่องจากภาวะสงครามฉุกเฉิน สภากงวองซิยงแห่งชาติจึงตั้งคณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม ควบคุมโดยมักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์แห่งสโมสรฌากอแบ็ง ขึ้นทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารของประเทศ คณะกรรมาธิการฯ ภายใต้อิทธิพลของรอแบ็สปีแยร์ริเริ่มสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว ซึ่งในช่วงนี้มีประชาชนกว่า 40,000 คนถูกประหารชีวิตในกรุงปารีส ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูง และผู้ที่ถูกศาลปฏิวัติพิพากษาลงโทษ โดยมักเป็นหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ สำหรับที่อื่นในประเทศ การก่อการกบฏต่อต้านการปฏิวัติถูกปราบปรามอย่างโหดร้าย ระบอบถูกโค่นในรัฐประหารเมื่อวันที่ 9 แตร์มิดอร์ (27 กรกฎาคม ค.ศ. 1794) และรอแบ็สปีแยร์ถูกประหารชีวิต ระบอบต่อมายุติความน่าสะพรึงกลัวและผ่อนคลายนโยบายสุดโต่งกว่าของรอแบ็สปีแยร์
นโปเลียน โบนาปาร์ตเป็นนายพลที่ประสบความสำเร็จที่สุดของฝรั่งเศสในสงครามปฏิวัติ โดยพิชิตแผ่นดินอิตาลีผืนใหญ่ และบีบให้ออสเตรียขอสันติภาพ ใน ค.ศ. 1799 เขากลับจากอียิปต์และวันที่ 18 บรูแมร์ (9 พฤศจิกายน) โค่นรัฐบาล และแทนที่ด้วยคณะกงสุล โดยมีเขาเป็นกงสุลใหญ่ วันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1804 หลังแผนลับลอบสังหารล้มเหลว เขาปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิ ใน ค.ศ. 1805 นโปเลียนวางแผนบุกครองอังกฤษ แต่พันธมิตรของอังกฤษกับรัสเซียและออสเตรีย (สัมพันธมิตรที่สาม) บีบให้พระองค์หันความสนใจไปยังภาคพื้นทวีป ขณะที่ไม่อาจลวงให้กองเรืออังกฤษที่เหนือกว่าออกจากช่องแคบอังกฤษพร้อมกันนั้น ยุติลงด้วยความปราชัยเด็ดขาดของฝรั่งเศสที่ยุทธนาวีทราฟัลการ์เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ซึ่งดับความหวังใด ๆ ที่จะบุกครองอังกฤษ วันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1805 นโปเลียนเอาชนะกองทัพออสเตรีย-รัสเซียที่มีจำนวนเหนือกว่าที่เอาสเทอร์ลิทซ์ บีบให้ออสเตรียถอนตัวจากสัมพันธมิตร และยุบจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ใน ค.ศ. 1806 มีการจัดตั้งสัมพันธมิตรที่สี่ วันที่ 14 ตุลาคม นโปเลียนพิชิตปรัสเซียที่ยุทธการเยนา-เออร์ชเตดท์ เคลื่อนที่ผ่านเยอรมนีและพิชิตรัสเซียเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1807 ที่ฟรีดลันด์ สนธิสัญญาทิลซิทแบ่งยุโรประหว่างฝรั่งเศสกับรัสเซียและสถาปนาดัชชีวอร์ซอ วันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1812 นโปเลียนบุกครองรัสเซียด้วยกองทัพใหญ่ ซึ่งมีกำลังพลเกือบ 700,000 นาย หลังชัยชนะมั่นคงที่สโมเลนสก์และโบโรดีโน นโปเลียนยึดครองกรุงมอสโก และพบว่าถูกเผาโดยกองทัพรัสเซียที่ล่าถอยไป พระองค์ถูกบีบให้ล่าถอย ระหว่างการถอยทัพ กองทัพของพระองค์ถูกคอสแซกก่อกวน และประสบกับโรคระบาดและความอดอยาก มีทหารเพียง 20,000 นายที่รอดชีวิตจากการทัพ จนถึง ค.ศ. 1813 กระแสเริ่มพลิกผันจากนโปเลียน หลังถูกกองทัพเจ็ดชาติพิชิตที่ยุทธการไลป์ซิจในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1813 ตามติดด้วยการทัพหกวันและการยึดครองกรุงปารีส พระองค์ทรงถูกบีบให้สละราชสมบัติ ภายใต้สนธิสัญญาฟงแตนโบล พระองค์ทรงถูกเนรเทศไปยังเกาะเอลบา พระองค์กลับมาฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1815 เริ่มต้นสมัยร้อยวัน พระองค์ทรงตั้งกองทัพใหม่ แต่ถูกพิชิตอย่างเบ็ดเสร็จโดยกองทัพอังกฤษและปรัสเซียที่ยุทธการวอเตอร์ลูเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1815
ศตวรรษแห่งสงคราม
คริสต์ศตวรรษที่ 20 เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเย็น รวมทั้งการรุ่งเรืองและล่มสลายของนาซีเยอรมนีและสหภาพโซเวียต เหตุการณ์วิบัติเหล่านี้นำไปสู่การสิ้นสุดของจักรวรรดิอาณานิคมยุโรปและริเริ่มการปลดปล่อยอาณานิคมอย่างกว้างขวาง การล่มสลายของสหภาพโซเวียตระหว่าง ค.ศ. 1989 ถึง 1991 ทิ้งให้สหรัฐอเมริกาเป็นรัฐอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลก และกระตุ้นการล่มสลายของม่านเหล็ก การกลับมารวมประเทศเยอรมนี และเร่งขบวนการบูรณการยุโรปที่กำลังดำเนินอยู่
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
หลังช่วงค่อนข้างสงบในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่ การแข่งขันระหว่างประเทศยุโรปปะทุขึ้นใน ค.ศ. 1914 เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเริ่มขึ้น มีการระดมทหารยุโรปกว่า 60 ล้านนายระหว่าง ค.ศ. 1914-1918 คู่สงครามฝ่ายหนึ่งมีเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิออตโตมันและบัลแกเรีย (ฝ่ายมหาอำนาจกลาง/ไตรพันธมิตร) อีกฝ่ายหนึ่งมีเซอร์เบียและไตรภาคี ซึ่งเป็นแนวร่วมหลวม ๆ ระหว่างฝรั่งเศส อังกฤษและรัสเซีย และมีอิตาลีซึ่งเข้าร่วมใน ค.ศ. 1915 โรมาเนียใน ค.ศ. 1916 และสหรัฐอเมริกาใน ค.ศ. 1917 รัสเซียของพระเจ้าซาร์ล่มสลายลงในการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1917 และเยอรมนีประกาศชัยชนะบนแนวรบด้านตะวันออก หลังจากการปกครองแบบเสรีนิยมนานแปดเดือน การปฏิวัติเดือนตุลาคมนำให้วลาดีมีร์ เลนินและพรรคบอลเชวิกเถลิงอำนาจ นำไปสู่การสถาปนาสหภาพโซเวียตแทนที่จักรวรรดิรัสเซีย เมื่ออเมริกาเข้าร่วมสงครามใน ค.ศ. 1917 โดยอยู่ข้างฝ่ายสัมพันธมิตร และความล้มเหลวของการรุกฤดูใบไม้ผลิของเยอรมนี ทำให้เยอรมนีขาดแคลนกำลังพล ออสเตรีย-ฮังการีและจักรวรรดิออตโตมัน พันธมิตร ก็ยอมจำนน จักรวรรดิทั้งสามสิ้นสุดลงเมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรได้ชัยชนะในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918
ระหว่างสงคราม
ในสนธิสัญญาแวร์ซาย ผู้ชนะสงครามกำหนดเงื่อนไขค่อนข้างสาหัสแก่เยอรมนีและรับรองรัฐใหม่ เช่น โปแลนด์ เชโกสโลวาเกีย ฮังการี ออสเตรีย ยูโกสลาเวีย ฟินแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวียและลิทัวเนีย ซึ่งสถาปนาขึ้นในยุโรปกลางจากจักรวรรดิเยอรมัน ออสเตรีย-ฮังการีและรัสเซียเดิม ซึ่งถือว่าอยู่นอกการกำหนดการปกครองชาติด้วยตนเอง ประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่พัวพันในสงครามท้องถิ่น โดยสงครามใหญ่ที่สุด คือ สงครามโปแลนด์-โซเวียต (1919–1921)
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
หลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทตกใน ค.ศ. 1929 เกือบทั้งโลกก็เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เมื่อราคาตก กำไรตก และการว่างงานสูงขึ้น ภาคที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดมีอุตสาหกรรมหนัก เกษตรกรรมเน้นการส่งออก การทำเหมืองแร่และการป่าไม้ และการก่อสร้าง การค้าโลกหดลงถึงสองในสาม ประชาธิปไตยถูกป้ายสี เมื่อชาติแล้วชาติเล่าในยุโรปส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับญี่ปุ่นและละตินอเมริกาส่วนใหญ่ เปลี่ยนเป็นเผด็จการและระบอบอำนาจนิยม ที่สำคัญที่สุด คือ ฮิตเลอร์และพรรคนาซีที่เถลิงอำนาจในเยอรมนีใน ค.ศ. 1933 เกิดสงครามกลางเมืองใหญ่ขึ้นในสเปน โดยฝ่ายชาตินิยมชนะ สันนิบาตชาติช่วยเหลืออะไรไม่ได้เมื่ออิตาลีพิชิตเอธิโอเปียและญี่ปุ่นยึดแมนจูเรียใน ค.ศ. 1931 และยึดจีนได้ส่วนใหญ่เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1937
สงครามโลกครั้งที่สอง
หลังเป็นพันธมิตรกับอิตาลีของมุสโสลินีใน "สนธิสัญญาเหล็ก" และการลงนามสนธิสัญญาไม่รุกรานกับสหภาพโซเวียต ผู้เผด็จการเยอรมัน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จึงเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 โดยเข้าตีโปแลนด์ หลังการเสริมสร้างทหารตลอดปลายคริสต์ทศวรรษ 1930 หลังความสำเร็จขั้นต้นใน ค.ศ. 1939-1941 ซึ่งมีทั้งการพิชิตโปแลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ กลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ ฝรั่งเศสและคาบสมุทรบอลข่าน ฮิตเลอร์และพันธมิตรเริ่มขยายเกินตัวใน ค.ศ. 1941 เป้าหมายของฮิตเลอร์เพื่อควบคุมยุโรปตะวันออก แต่เนื่องจากความล้มเหลวในการเอาชนะอังกฤษและความล้มเหลวของอิตาลีในแอฟริกาเหนือและคาบสมุทรบอลข่าน ทำให้การเข้าตีใหญ่สหภาพโซเวียตถูกเลื่อนออกไปกระทั่งเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1941 แม้จะประสบความสำเร็จในขั้นต้น กองทัพเยอรมันถูกหยุดใกล้กับกรุงมอสโกในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1941 อีกหนึ่งปีถัดมา กระแสของสงครามพลิกผันและเยอรมนีประสบความพ่ายแพ้หลายครั้ง เช่น การล้อมสตาลินกราดและที่เคิสก์ ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีและอิตาลีตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 1940 โจมตีอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 จากนั้น เยอรมนีได้ประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกา กองกำลังสัมพันธมิตรชนะในแอฟริกาเหนือ บุกครองอิตาลีใน ค.ศ. 1943 และยึดฝรั่งเศสคืนได้ใน ค.ศ. 1944 ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1945 เยอรมนีเองถูกบุกครองจากทางตะวันออกโดยสหภาพโซเวียต และจากทางตะวันตกโดยฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อกองทัพแดงงพิชิตไรช์สทักในกรุงเบอร์ลิน ฮิตเลอร์ทำอัตวินิบาตกรรมและเยอรมนียอมจำนนในต้นเดือนพฤษภาคม สมัยนี้มีลักษณะของพันธุฆาตอย่างเป็นระบบ ระหว่าง ค.ศ. 1942-45 พวกนาซีประสบความสำเร็จในการสังหารพลเรือนกว่า 11 ล้านคน รวมทั้งชาวยิวและชาวยิปซีในยุโรปส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับชาวโปแลนด์และชาวโซเวียตเชื้อสายสลาฟอีกหลายล้านคน ขณะเดียวกัน ในคริสต์ทศวรรษ 1930 ระบบแรงงานเกณฑ์ การขับไล่และความอดอยากที่ถูกกล่าวหาว่ามีการวางแผนของโซเวียตก็มียอดผู้เสียชีวิตไม่ต่างกัน ระหว่างและหลังสงคราม พลเรือนหลายล้านคนได้รับผลกระทบจากการบังคับถ่ายโอนประชากร
สงครามเย็น
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตเกิดขัดแย้งกันเอง มีการแบ่งโลกออกเป็นสองค่ายคือค่ายเสรีประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์ สงครามเย็นแม้ จะเรียกว่าสงครามแต่ก็เป็นเพียงสงครามที่ไม่มีการรบ มีเพียงสงครามตัวแทนเช่นสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม ฯลฯ สงครามนี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการสะสมอาวุธร้ายแรง การใช้จิตวิทยาโจมตีอีกฝ่าย สงครามเย็นสิ้นสุดเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายใน พ.ศ. 2534 (ค.ศ.1991)
ร่วมสมัย
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ยุโรปอยู่ในสภาพที่บอบช้ำและเสียหายอย่างหนักในทุกด้าน จึงทำให้มีผู้นำทางการเมืองเกิดแนวความคิดที่จะสร้างอนาคตที่มีสันติภาพอย่างถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรองดองกันระหว่างสองรัฐที่เคยได้ทำสงครามที่สร้างความหายนะแก่ทวีปทั้งทวีป คือ ฝรั่งเศส กับเยอรมนี ซึ่งบุคคลที่ได้เสนอแนวคิดนี้ คือ นาย Jean Monnet (ชาวฝรั่งเศส) และถูกนำมาขยายผลโดยนาย Robert Schuman (รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส) โดยวิธีการของการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจกันระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนีให้ใกล้ชิดกันจนกระทั่งทั้งสองประเทศจะไม่สามารถทำสงครามระหว่างกันได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีเป้าหมายในระยะยาวที่จะสร้างความเป็นเอกภาพระหว่างประชาชนชาวยุโรป เพื่อมิให้มีการแตกแยกและนำไปสู่การทำสงครามระหว่างกันในอนาคตด้วย แนวคิดดังกล่าว ได้นำไปสู่การจัดตั้ง ”ประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป (European Coal and Steel Community)” ในปี พ.ศ. 2494 (ค.ศ.1951) โดยสนธิสัญญากรุงปารีส ซึ่งแรกเริ่มมีประเทศสมาชิก 6 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบอร์ก และอิตาลี ทั้งนี้ เนื่องจากถ่านหินและเหล็กกล้าถือเป็นยุทธปัจจัย การจัดตั้งประชาคมเพื่อบริหารทรัพยากรดังกล่าวจึงเสมือนเป็นก้าวแรกที่จะทำให้สงครามระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนีไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก หลังจากนั้น ได้มีการจัดตั้งประชาคมขึ้นอีก 2 ด้าน คือ ด้านปรมาณู (Euratom) ในปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ.1954) และที่สำคัญ คือ ด้านเศรษฐกิจ (European Economic Community) ในปี พ.ศ. 2500 (ค.ศ.1957) โดยสันธิสัญญากรุงโรม ทั้งสนธิสัญญากรุงปารีสและสนธิสัญญากรุงโรม ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของสหภาพยุโรปที่ยังคงใช้จนถึงทุกวันนี้ เพราะเป็นการวางรากฐานในการจัดตั้งสถาบันบริหารกิจการของประชาคม คือ คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) คณะมนตรี (Council) ศาลตุลาการยุโรป (European Court of Justice) และสภายุโรป (European Parliamentary Assembly ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกว่า European Parliament) และยังวางรากฐานของการบริหารอธิปไตยร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกโดยผ่าน ”ประชาคม” อีกด้วย ทั้งนี้ เป้าหมายที่สำคัญของการร่วมมือครั้งนี้ คือ การจัดตั้ง “ตลาดร่วม” ของประเทศสมาชิก กล่าวคือ ดำเนินการเพื่อให้การเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกเป็นไปโดยไร้อุปสรรคอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนอกจากหมายถึงการยกเลิกด่านศุลกากรระหว่างกันแล้ว ยังหมายถึงการประสานกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าทั้งหมด อาทิ การรับรองมาตรฐานสินค้า ระบบการตรวจสอบสินค้าเข้าจากต่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวได้เสร็จสิ้นภายหลังโครงการ “Single Market Act” เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ.1986) และสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ.1992) พัฒนาขั้นต่อไปที่สำคัญ คือ การลงนามในสนธิสัญญาจัดตั้งสหภาพยุโรป (Treaty of European Union) ลงนามที่เมืองมาสตริคต์ในปี 1992 (จึงมักเรียกสั้นๆ ว่า Maastricht Treaty) ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของ “สหภาพยุโรป”ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สาระสำคัญของการจัดตั้งสหภาพยุโรป คือ นอกจากคงไว้ซึ่งโครงสร้างความร่วมมือเดิมภายใต้ประชาคมทั้งสามที่มีอยู่เดิมแล้ว ยังขยายความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกไปอีกสองด้าน คือ (1) ความร่วมมือด้านการต่างประเทศและความมั่นคง กับ (2) ความร่วมมือด้านมหาดไทยและยุติธรรม อย่างไรก็ดี เนื่องจากทั้งสองด้านดังกล่าว เป็นเรื่องที่บางรัฐสมาชิกมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านอธิปไตย จึงมิใช่ความร่วมมือในลักษณะ “ประชาคม” (หมายถึงการแบ่งอำนาจอธิปไตยมาบริหารร่วมกัน) แต่เป็นการร่วมมือและประสานนโยบายระหว่างรัฐบาล (Inter-Governmental Cooperation) “สนธิสัญญามาสตริคต์” ถูกแก้ไขและปรับปรุงเพิ่มเติมโดยสนธิสัญญาสำคัญอีกสองฉบับ คือ สนธิสัญญากรุงอัมสเตอร์ดัม (Treaty of Amsterdam) ปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ.1997) และสนธิสัญญาเมืองนีซ (Treaty of Nice) ปี พ.ศ. 2544 (ค.ศ.2001) ซึ่งขยายขอบเขตสาขาความร่วมมือภายใต้นโยบายร่วมของสหภาพยุโรป (โดยเฉพาะในด้านมหาดไทยและยุติธรรม) พร้อมกับปรับปรุงสถาบันและแนวปฏิบัติเพื่อให้สามารถรองรับจำนวนรัฐสมาชิกที่เพิ่มขึ้นต่อไป จากเดิมซึ่งมีสมาชิกเพียง 6 ประเทศ สหภาพยุโรป ได้รับรัฐสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยหลายครั้ง คือ ปีพ.ศ. 2516 (ค.ศ.1973) เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ปี 1981 กรีซ ปี 1986 สเปนและโปรตุเกส ปี 1995 ออสเตรีย ฟินแลนด์ สวีเดน และล่าสุดปีพ.ศ. 2547 (ค.ศ.2004) ถือเป็นการขยายจำนวนสมาชิกครั้งใหญ่ที่สุดถึง 10 ประเทศ คือ ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ค เอสโตเนีย ฮังการี ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลต้า โปแลนด์ สาธารณรัฐสโลวัก และสลีวีเนีย และเมื่อ ค.ศ.2007 รับเพิ่มอีก 2 ประเทศ รวมทั้งสิ้น 27 ประเทศ สมาชิกใหม่คือ บัลแกเรีย และโรมาเนีย